วันพฤหัสบดีที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ผักสมุนไพร


ผักสมุนไพร
     นอกจากจะมีคุณค่าทางด้านอาหารแล้ว ยังมีคุณค่าทางกระตุ้นพลังเสริมสร้างสุขภาพ และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ปัจจุบันชีวิตคนกรุงเทพ ต้องประสบกับมลพิษหลายอย่าง เช่น อาหารเป็นพิษ และสภาวะแวดล้อมเป็นพิษ ในช่วงฤดูฝนนี้ ควรที่จะรับประทานอาหารให้พลังแข็งแรง เพื่อต่อต้านโรคภัยไข้เจ็บ




มะระขี้นก
ลักษณะทั่วไป:ต้นเป็นพรรณไม้เถา ที่มีลำต้นเลื้อยพาดพันตามต้นไม้ หรือตามร้าน ลักษณะลำต้นเป็นเส้นเล็ก ยาว ลำต้นมีขนขึ้นประปราย
ใบ:ใบออกเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับกัน ลักษณะของใบหยักเว้าลึก มี 5-7 หยัก ปลายใบแหลม ใบมีสีเขียวอ่อน มีรสชาดขม
ดอก:ดอกออกเป็นดอกเดี่ยว ออกตามบริเวณง่ามใบ ลักษณะของดอกมีสีเหลือง กลีบดอกบาง ช้ำง่าย
ผล:ผลมีลักษณะเป็นรูปกระสวยสั้น พื้นผิวเปลือกขรุขระ และมีปุ่มยื่นออกมา ผลอ่อนมีเป็นสีเขียว เมื่อแก่เต็มที่ก็จะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอมแดง และผลนั้นก็จะแตกอ้าออก ข้างในผลก็จะมีเมล็ดอยู่ เป็นรูปกลม แบน ถ้าเมล็ดสุกก็จะมีสีแดงสด
การขยายพันธุ์:เป็นพรรณไม้ที่ชอบขึ้นตามบริเวณที่ลุ่มชื้นแฉะ มีการขยายพันธุ์ด้วยการใช้เมล็ด
ส่วนที่ใช้:ใบ ใบและผล ผล ราก
สรรพคุณ:ใบ ใช้ใบสด นำมาลวก หรือต้มกินเป็นยาฟอกโลหิต ยาระบาย เจริญอาหาร หรือใช้ใบแห้ง นำมาบดให้ละเอียดกับน้ำกินเป็นยาขับพยาธิ ขับลม และบำรุงธาตุ เป็นต้น
ใบและผล:ใช้ใบและผล นำมาตำให้ละเอียดแล้ว คั้นเอาน้ำกินเป็นยาแก้จุกเสียดแน่นท้อง ขับลม บำรุงธาตุ ขับลม และเป็นยาช่วยถ่ายพยาธิ
ผล:ใช้ผลสด นำมาต้มหรือประกอบเป็นอาหารใช้รับประทาน มีคุณค่าในการช่วยบำบัดโรคเบาหวาน บำรุงธาตุ หรือใช้แผลแห้งนำมาบดให้ละเอียด ใช้โรยบริเวณที่เป็นแผลใช้ทาแก้คัน หิด และโรคผิวหนัง เป็นต้น
ราก:ใช้ปรุงเป็นยาบำรุงธาตุ ฝาดสมาน แก้ริดสีดวงทวาร และเป็นยาธาตุ เป็นต้น 





มะเขือยาว
ลักษณะทั่วไป:ต้นเป็นพรรณไม้ล้มลุก ลำต้นมีความสูงประมาณ 0.5-1 เมตร ลักษณะของลำต้นจะแข็งแรง มีสีเขียวหรือสีม่วง ลำต้นมีขนนุ่ม และสั้นปกคลุมทั่ว หรืออาจมีหนามเล็ก ๆ ส่วนบนจะแตกกิ่งก้านสาขาหนาทึบ
ใบ:ใบออกสลับกัน ลักษณะของใบเป็นรูปค่อนข้างกลม โคนใบเบี้ยว ส่วนปลายใบแหลม ริมขอบใบหยัก หรือเป็นคลื่นหลังใบ และใต้ท้องใบจะมีขนนุ่มปกคลุม ขนาดของใบยาวประมาณ 2.5-7 นิ้ว กว้างประมาณ 1.5-5 นิ้ว ก้านใบยาวประมาณ 1 นิ้ว
ดอก:ดอกออกเป็นช่อ หรือออกเป็นดอกเดียว ลักษณะของดอกมีสีม่วง กลีบดอกมี 5 กลีบ โคนกลีบเชื่อมติดกันส่วนปลายแยกจากกันเป็น 5 แฉก ปลายแหลม กลางดอกมีเกสรตัวผู้ 5 อันและตัวเมีย 1 อัน อยู่ติดกับกลีบดอก ก้านเกสรและอับเกสรเป็นสีเหลือง
ผล:ผลมีลักษณะกลมยาว มีสีเขียวอ่อน สีม่วงคล้ำ หรือเป็นสีขาว ผิวเปลือกจะเรียบเกลี้ยงเป็นมัน ตรงขั้วผลก็จะมีกลีบเลี้ยงสีเขียวติดอยู่
การขยายพันธุ์:เป็นพรรณไม้เจริญเติบโตได้ดีในดินอุดมร่วนซุย ต้องการน้ำและความชื้นในปริมาณปานกลาง ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด
ส่วนที่ใช้:ลำต้นและราก ใบ ดอก ผล ขั้วผล
สรรพคุณ:ลำต้นและราก ใช้ลำต้นและรากแห้ง ประมาณ 10-15 กรัม นำมาต้ม เอาน้ำกินเป็นยาแก้บิดเรื้อรัง บิดอุจจาระเป็นเลือด หรือใช้ลำต้นและรากสดนำมาตำให้ละเอียดคั้นเอาน้ำทาหรือล้างบริเวณที่เป็นแผลที่ถูกความเย็น แผลเท้าเปื่อยอักเสบ เป็นต้น
ใบ:ใช้ใบแห้ง นำมาตำให้เป็นผงละเอียดกินประมาณ 6-10 กรัม เป็นยาแก้โรคบิดอุจจาระเป็นโลหิต แก้ปัสสาวะขัด แก้โรคหนองใน แก้ตกเลือดในลำไส้ ใช้ภายนอกนำเอามาต้มเอาน้ำใช้ล้างแผล หรือใช้พอกบริเวณที่เป็นแผลบวมเป็นหนอง และแผลที่เกิดเนื่องจากถูกความเย็น
ดอก:ใช้ดอกสด หรือดอกแห้ง นำมาเผาให้เป็นเถ้าแล้วบดให้เป็นผงละเอียด ใช้มาบริเวณที่ปวดเป็นยาแก้ปวดฟัน ฟันผุ และบริเวณแผลที่มีหนอง เป็นต้น
ผล:ใช้ผลแห้ง นำมาทำเป็นยาเม็ด กินเป็นยาแก้ปวด แก้ตกเลือดในลำไส้ ขับเสมหะ อุจจาระเป็นโลหิต หรือใช้ผลสด นำมาตำให้ละเอียดใช้พอกบริเวณที่เป็นแผลอักเสบที่มีหนอง เป็นโรคผิวหนังเรื้อรัง และผดผื่นคัน เป็นต้น
ข้อมูลทางคลีนิค : จากการทดสอบผู้ป่วยที่เป็นโรคเกี่ยวกับหลอดลมอักเสบเรื้อรัง โดยการใช้ รากสดนำมาทำเป็นยาน้ำเชื่อม กินวัน 2-3 ครั้ง ๆ ละ 50 มล. กินติดต่อกันเป็นเวลา 10 วัน ปรากฏว่า อาการของคนป่วยที่หายขึ้นอย่างเห็นได้ชัดมี 21 คน อาการดีขึ้น 19 คน อาการหายชั่วคราว 22 คน สำหรับที่เหลืออีก 6 ราย ไม่ได้ผลแต่อย่างใด






ฟักทอง
ลักษณะทั่วไป : ต้น : เป็นพรรณไม้ล้มลุก ที่มีลำต้นเป็นเถาเลื้อยไปตามพื้นดินและต้องการหลักยึด ตามลำเถาจะมีมือเอาไว้เกาะ เถามีขนาดยาว ใหญ่ และมีขนสาก ๆ ปกคลุมอยู่ มีสีเขียว
ใบ : ออกใบเดี่ยว ตามลำเถา ใบของฟักทองเป็นแผ่นใหญ่สีเขียว แยกออกเป็น 5 หยักและมีขนสาก ๆ มือ ปกคลุมอยู่ทั่วทั้งใบ
ดอก : ออกดอกเดี่ยวตามง่ามใบ และส่วนที่ยอดของเถา ลักษณะของดอกเป็นรูปกระดิ่งสีเหลือง ในดอกตัวเมียเมื่อบานเต็มที่แล้ว จะมองเห็นผลเล็ก ๆ ติดอยู่ที่ใต้ดอก
ผล : มีขนาดใหญ่ ลักษณะเป็นพูกลมจะมีทั้งทรงแบน และทรงสูง เปลือกของผลจะแข็ง มีทั้งสีเขียวหรือสีน้ำตาลแดงก็แล้วแต่ชนิดของฟักทองนั้น ๆ เนื้อในผลสีเหลืองรับประทานได้ 
ส่วนที่ใช้ : ผล เมล็ด
สรรพคุณ : ผล เนื้อในของผลฟักทองนั้นจะมีสารพวก carotenes อยู่ ซึ่งสารนี้เมื่อเข้าไปในร่างกายแล้วจะเปลี่ยนเป็นวิตามินเอ ไม่ว่าจะอยู่ในรูปของคาวหรือของหวาน เป็นอาหารเสริมสุขภาพได้เป็นอย่างดี



7 ผักผลไม้เพื่อสุขภาพช่วยชะลอวัย


1แอปเปิ้ล
   รู้ไหมค่ะ ในมีสารสำคัญ คือ “เบต้าแคโรทีน วิตามินซีและเส้นใยไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำ” ที่ชื่อว่าสาร
เพคติน” แต่ที่
ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดน้ำหนักได้ด้วย เนื่องจากช่วยลดความอยากอาหาร และลดโคเลสเตอรอล หากคุณผู้หญิงเกิดหิวมากๆ แต่ยังไม่ถึงเวลาทานข้าวและไม่อยากทานขนมจุกจิกให้หาแอปเปิ้ลสักลูก จะช่วยลดความหิวได้ เพราะ แอปเปิ้ลมีแป้งและน้ำตาล ในรูปของน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวถึง 75 % ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึม น้ำตาลพิเศษได้เร็ว และนำไปใช้ประโยชน์ได้ไม่เกิน 10 นาที ว้าวรวดเร็วจริงๆ ค่ะ ดังนั้นทำให้เมื่อทานแล้วความอยากอาหารคุณผู้หญิงจึงลดลงทำให้คุณไม่รู้สึกหงุดหงิด หรือ อ่อนเพลีย แถมถ้าคุณผู้หญิงทานแอปเปิ้ล 2-3 ผลต่อวัน ช่วยลดปริมาณโคเลสเตอรอลในกระแสเลือดได้อีกต่างหาก เพราะแอปเปิ้ลมีเพคตินซึ่งเป็นไฟเบอร์ที่ละลายน้ำได้ ผลจากการวิจัยชี้ว่า เมื่อกรดในทางเดินอาหารย่อยสลายไขมัน และแยกโคเลสเตอรอลออกมาเสร็จสิ้นแล้ว เพคตินจากแอปเปิ้ล จะไปคอยดักจับโคเลสเตอรอลเหล่านั้น และพาไปทิ้งก่อนที่จะถูกดูดกลับเข้าร่างกายของเรานั่นเอง


2.ฝรั่
   คุณผู้หญิงทั้งหลายทราบหรือไม่คะว่าฝรั่ง 1 ขีดมีวิตามินซีสูงถึง180 มิลลิกรัม วิตามินซี มีบทบาทในการสร้างคอลลาเจน ที่ทำให้ผิวพรรณบนใบหน้าของคุณผู้หญิงเต่งตึง ไม่แก่ก่อนวัยวิตามินซี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเจ้าตัวสารต้านอนุมูลอิสระนี้เอง ที่ทำให้คอลลาเจนและอีลาสตินเสื่อมสภาพ ผิวหนังแห้งเหี่ยว เกิดริ้วรอยตีนกา วิตามินซี มีความสำคัญต่อการสร้าง และบำรุงเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน(ConnectiveTissue) เซลล์นับล้านๆ ตัวเกาะเกี่ยวกันเป็นร่างกายได้ ด้วยเนื้อเยื่อที่เรียกว่า คอลลาเจนมันคือคอลลาเจนตัวเดียวกันกับคอลลาเจน ที่ทำให้ผิวพรรณบนใบหน้าของคุณผู้หญิงทั้งหลายเต่งตึงนั่นเอง และเพราะฝรั่งอุดมไปด้วยวิตามินซีนั่นเอง คุณๆ ทั้งหลายที่อยากคงความเป็นหนุ่มเป็นสาวให้แก่ผิวสวยไว้นานๆ ลองหันมาทานฝรั่งเป็นประจำดูนะคะ
3. กล้วยไข่
    ในกล้วยไข่มีสารต้านอนุมูลอิสระที่เรารู้จักกันดี คือ เบต้าแคโรทีนโดยธรรมชาติ เมื่อคุณผู้หญิงเริ่มมีอายุมากขึ้นๆ เลยอายุ 22 ปีไปแล้ว ความเจริญเติบโตของร่างกาย จะเริ่มหยุด ความเสื่อมในส่วนต่างๆ ของร่างกายจะเริ่มมาเยือนอย่างช้าๆ ขณะนั้นเองมีสองสิ่งที่สำคัญเกิดขี้นในร่างกายของเรา ซึ่งก็คือ สิ่งแรก เซลล์ในร่างกายทุกเซลล์จะผลิตอนุมูลอิสระมากขึ้น สิ่งที่สองความสามารถในการซ่อมแซม ส่วนที่สึกหรอของร่างกายจะลดลงเรื่อยๆ พร้อมกันนั้นความสามารถ ในการจำกัดอนุมูลอิสระ ( Detoxification ) ก็ลดลงอย่างน่าตกใจเช่นกัน ดังนั้น กลยุทธ์ที่คุณจะสู้กับความแก่ด้วยตนเอง ก็คือ คุณผู้หญิงควรรับประทานอาหาร ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระให้มาก ซึ่งสารนี้เรารู้จักในชื่อที่ เรียกว่า แอนตี้ออกซิแดนท์ (Antioxidants) ซึ่งในกล้วยไข่ 1 ขีด มีสารเบต้าแคโรทีนถึง 492มิลลิกรัม เชียวค่ะ
4. ส้ม
    ผลไม้ที่นับเป็นแหล่งวิตามิน เกลือแร่ และเส้นใยธรรมชาติ การรับประทานส้มโดยไม่คายกาก จะช่วยคุมน้ำหนักได้อีกด้วยนะคะ เพราะจะทำให้คุณผู้หญิงรู้สึกอิ่ม เป็นประโยชน์สำหรับ คุณผู้หญิงที่ควบคุมน้ำหนักอยู่ หากรู้สึกหิวขึ้นมาเมื่อใดลองเปลี่ยนจากขนมปังแซนด์วิช หรือโดนัท ให้ลองหยิบส้มสักลูกขึ้นมาทานแทนรับรองได้ประโยชน์มากกว่าแน่นอนค่ะ
5. ลูกพรุน
    เป็นแหล่งที่ดีของโปแตสเซียม เหล็กและไฟเบอร์ที่สำคัญเชียวค่ะ ลูกพรุน ช่วยทำให้ผิวพรรณของคุณผู้หญิงนั้นสวยใสดูมีมีเลือดฝาดเพราะเมื่อคุณผู้หญิงมีอายุเลย 25 ปีไปแล้ว ร่างกายก็จะเริ่มเสื่อมโทรม ไขมันเริ่มเข้าสะสมตามที่ต่างๆ ในร่างกายได้ง่ายๆ ใบหน้าที่เคยอิ่มด้วยเลือดฝาด ก็เริ่มหมองคล้ำผิวพรรณซีดโทรมได้ง่ายๆ ซึ่งมาจากหลายสาเหตุ เช่นผิวมีความหนามากขึ้นตามวัย จนมองไม่เห็น เลือดฝาด คือ เป็นโรคโลหิตจางนั่นเองค่ะ
6บรอคโคลี่
    เป็นพืชอีกชนิดหนึ่งที่เหมาะอย่างยิ่ง สำหรับคุณผู้หญิงทั้งหลาย เพราะบรอคโคลี่เป็นแหล่งซีลีเนียมตามธรรมชาติช่วยบำรุงผิวพรรณ(ซีลีเนียม จะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิวหนัง จึงทำให้ผิวดูอ่อนวัยนุ่มนิ่ม มีน้ำมีนวลเหมือนหนุ่มสาว ) แถมยังช่วยลบริ้วรอยเหี่ยวย่นอีกด้วยนะคะ แหมอย่างนี้ไม่ทานไม่ได้แล้ว
7ถั่ว
    ผู้หญิงทุกคนอยากมีหุ่นสวยเพรียว ไม่มีไขมันส่วนเกินสะสม ถั่วช่วยคุณได้ค่ะ “ถั่ว” เป็นอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีน เหล็ก วิตามินบีนอกจากนี้ยังมีการค้นพบว่า เมื่อคุณรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์ ชนิดที่ละลายน้ำได้ (ซึ่งอยู่ในถั่วนั่นเองค่ะไฟเบอร์จะทำหน้าที่ช่วยเคลือบผิวกระเพาะ ซึ่งทำให้รู้สึกอิ่มเร็วและอิ่มนานความอยากอาหารจะลดลง นับว่ามีประโยชน์กับคุณผู้หญิง ที่กำลังควบคุมน้ำหนักมากเลยทีเดียวค่ะ



5 ผลไม้เพื่อสุขภาพสายตา


แนะนำผลไม้อุดมอาหารตา หลากวิตามิน ช่วยเรื่องการมองเห็น บำรุงสายตาเสื่อมช้าลง

มะละกอ 
   อุดมด้วยวิตามินเอ บี1 บี2 แคลเซียม และเบต้าแคโรทีน สารต้านอนุมูลอิสระ รับประทานบำรุงผิวพรรณดี ลดริ้วรอยก่อนวัย และบำรุงสายตา รับประทานเป็นผลไม้ หรือใช้ประกอบอาหาร เช่น ส้มตำ แกง หรือเป็นผักจิ้ม ก็นิยมเช่นกัน

ผลไม้ตระกูลส้ม 
   อาทิ เลมอน ส้มโอ เกรปฟรุต มีสารไฟโตนิวเทรียนต์มากมาย ทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องแก้วตาจากต้อกระจก และช่วยไหลเวียนเลือดในดวงตา

เสาวรส 
   ผลไม้เปรี้ยวอมหวาน ลักษณะผลแตกต่างกันตามสายพันธุ์ ทั้งรูปกลม รูปไข่ เนื้อภายในคล้ายทับทิม มีวิตามินเอสูงมาก ทำให้การมองเห็นชัดเจน นอกจากนั้น ยังพบว่ามีวิตามินซีมากกว่ามะนาว จึงช่วยสร้างภูมิคุ้มกันโรคได้ ปัจจุบันถูกแปรรูปเป็นอาหาร และเครื่องดื่มหลากหลาย หาซื้อรับประทานง่าย

แอปปริคอท
   รสหวานอมเปรี้ยว กลิ่นหอม มีวิตามินเอ วิตามินซี และโพแทสเซียมปริมาณมาก ไขมันต่ำ ทั้งยังอุดมด้วยเบต้าแคโรทีน ตัวช่วยชะลอการเสื่อมถอยของเลนส์ตา ช่วยบำรุงสายตา และป้องกันการเกิดต้อกระจก นิยมนำมาเชื่อมแล้วอบแห้งเป็นของว่างทานเล่น รวมถึงผสมในแยม ทาร์ต เบเกอรี่ เค้ก ไอศกรีม เป็นต้น

โกจิเบอร์รี่ 
   ผลวิจัยในต่างประเทศพบว่า อุดมด้วยแคโรทีนอยด์ และซีเอแซนทีน ช่วยเรื่องการมองเห็น หรือสายตา โดยเพิ่มประสิทธิภาพการรับภาพ และป้องกันแสง โดยเฉพาะแสงสีน้ำเงิน และสีฟ้า ทำให้ดวงตาเสื่อมช้าลง มักถูกแปรรูปเป็นเครื่องดื่มน้ำผลไม้ ต้มดื่มน้ำ และใช้ในเชิงสมุนไพรสำหรับประกอบอาหารด้วย

   อย่าลืมทานผลไม้ 5 ชนิดดังกล่าวเป็นประจำ ควบคู่กับการใช้สายตาอย่างถูกต้อง และเหมาะสม เพื่อบำรุงดวงตาคู่สวยให้สดใส และทำหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพนาน ๆ


วันเสาร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

วิธีทำให้ผิวขาวด้วยสมุนไพร

สมุนไพร กับ ใบหน้า

    ใบหน้า เป็น สิ่งแรกที่ผู้หญิงทุกคนหวงแหน เพราะใบหน้าถือเป็นด่านแรกที่จะดึงดูดผู้พบเห็นได้ แต่หลายๆคนกำลังประสบปัญหาผิวหน้าไม่เรียบสวย เพราะเม็ดสิวและรอยแห้งกร้านด้วยจุดด่างดำของกระและฝ้า จนต้องเสียเงินทองมากมายเพื่อเข้าสถานเสริมความงาม หรือหาซื้อยามารักษา จึงอยากแนะนำให้ใช้สมุนไพรพืชผักและผลไม้ที่มีอยู่ทั่วไป แต่มีคุณประโยชน์มากมายทั้งวิตามิน แร่ธาตุ และสารบำรุงผิวธรรมชาติที่ช่วยดูแลผิวพรรณให้ชุ่มชื้นผ่องใสอ่อนไวอยู่เสมอ ไปดูกันเลยดีกว่าว่ามีอะไรกันบ้าง?

ว่านหางจระเข้ (Aloe indica Royle)
    คุณค่าของว่านหางจระเข้มีมากมาย นอกจากใช้รักษาโรคแล้ว ยังใช้บำรุงผิว บำรุงเส้นผมได้ด้วย ปัจจุบัน จะเห็นได้ว่า มีแชมพูสระผม และเครื่องสำอางหลายอย่าง ที่ใช้ว่านหางจระเข้เป็นส่วนประกอบ และกำลังเป็นที่นิยมของคนทั่วไป เนื่องจากว่านหางจระเข้ มีคุณสมบัติสามารถช่วยให้กระบวนการเมตะโบลิซึม ทำงานได้เป็นปกติ ลดการติดเชื้อ สลายพิษของเชื้อโรค กระตุ้นการเกิดใหม่ ของเนื้อเยื่อส่วนที่ชำรุด ฉะนั้น ว่านหางจระเข้จึงถูกนำมาใช้ เพื่อบำรุงผิวพรรณ ผู้ที่ใช้ว่านหางจระเข้บำรุงผิวพรรณอยู่เป็นประจำ จะรู้สึกได้ชัดว่า ว่านหางจระเข้มีส่วนช่วย ให้ผิวพรรณผุดผ่อง สดชื่น มีน้ำมีนวล และยังสามารถขจัดสิว และลบรอยจุดด่างดำได้ด้วย
     การใช้ว่านหางจระเข้ เพื่อบำรุงผิว โดยปอกเปลือกออก ใช้แต่เมือกวุ้นสีขาวใส ที่อยู่ภายใน ทั้งนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการแพ้ ก่อนใช้ควรตรวจสอบว่า ตนเองจะเกิดอาการแพ้หรือไม่ โดยใช้น้ำที่ได้จากวุ้นสีขาว ของว่านหางจระเข้ ทาตรงบริเวณโคนหู แล้วทิ้งไว้สักครู่ ถ้าเกิดการระคายเคืองเป็นผื่นแดง แสดงว่าแพ้ ไม่เหมาะที่จะใช้กับผิวหน้าอีกต่อไป ถ้าไม่มีอาการแพ้ ก็สามารถใช้ได้ตลอด แต่บางคนก็จะเห็นผลได้เหมือนกัน เมื่อใช้ว่านหางจระเข้ทาบริเวณหัวสิว จะทำให้หัวสิวแห้งเร็ว
     นอกจากนี้ ว่านหางจระเข้ยังสามารถลดความแห้งกร้าน และลดความมันของผิวหน้าได้ โดยคนที่มีผิวมัน ก็จะช่วยให้ลดความมัน คนที่มีผิวหน้าแห้ง ก็ยังรักษาความชุ่มชื่นของผิวไว้ได้
สรรพคุณ บำรุงผิว ป้องกันฝ้า ลบรอยจุดด่างดำ รักษาสิว
ส่วนผสม ว่านหางจระเข้
วิธีทำ 
   เลือกใบจากต้นว่านหางจระเข้ที่มีอายุ 1 ปีขึ้นไป โดยเลือกใบล่างสุดซึ่งจะอวบโต มีวุ้นมาก นำมาแช่น้ำเพื่อล้างยางเหลืองๆ ออกให้หมด(ยาง เหลืองมีฤทธิ์ระคายเคืองผิว ทำให้แสบร้อน เป็นผื่นแดง) จากนั้นปอกเปลือกออก แล้วเอาวุ้นที่ได้ล้างน้ำให้สะอาดอีกทีหนึ่ง นำวุ้นไปปั่นหรือใช้มือขยำ ก็จะได้เจลว่าน หางจระเข้ การใช้ว่านหางจระเข้สดได้ผลดีกว่าผลิตภัณฑ์แปรรูป ซึ่งจะมีปัญหาการคงตัวเมื่อถูกความร้อน
วิธีใช้ 
   ล้างหน้าให้สะอาด เช็ดหน้าให้แห้ง แล้วใช้เจลพอกทั่วใบหน้ายกเว้นรอบดวงตาและรอบปาก ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที จึงล้างออก สูตรนี้เหมาะ สำหรับคนผิวมันสำหรับคนผิวแห้ง ไม่ควรใช้ว่านหางจระเข้เดี่ยว ๆ ควรเติมน้ำมันมะกอกกับไข่แดง ตีให้เข้ากัน แล้วจึงพอกหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด
หมายเหตุ ไม่ควรใช้ว่านหางจระเข้กับสิวหัวหนอง เพราะฟิล์มจากว่านจะทำให้สิวหายช้า
แตงกวา (Cucumis sativas Linn.)





   จะมีวิตามินสูง ในผลแตงกวายังมีเอ็นไซม์ cryssin ซึ่งช่วยย่อยโปรตีนได้ เอ็นไซม์ชนิดนี้ จะช่วยย่อยผิวหนังที่หยาบกร้าน ให้หลุดออกไป เพื่อให้ผิวใหม่ที่อ่อนนุ่ม เกิดขึ้นมาแทนที่ บางคนใช้แตงกวาสด ผ่าเป็นชิ้นบางๆ วางบนใบหน้าที่ล้างสะอาด แทนน้ำแตงกวา ปัจจุบันมีน้ำแตงกวาผสมในเครื่องสำอาง เช่น ครีมล้างหน้า ครีมทาตัว เพื่อช่วยให้ผิวไม่หยาบกร้าน และช่วยสมานผิว แตงกวาเป็นสมุนไพร ที่หาง่าย มีประโยชน์ ราคาถูก ใช้ติดต่อกับเป็นประจำ จะทำให้สวนสดชื่น มีน้ำมีนวล

สรรพคุณ สมานผิว ลบรอยเหี่ยวย่น
ส่วนผสม   แตงกวา 1 ผล 
         ไข่ขาวจากไข่ไก่ 1 ฟอง 
         น้ำมะนาว 1 ช้อนชา
วิธีทำ 
   ปอกเปลือกแตงกวาล้างน้ำให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ นำไปปั่นให้ละเอียด เติมไข่ขาวและน้ำมะนาวปั่นจนเป็นเนื้อเดียวกัน จะได้ครีมพอกหน้าแตงกวา
วิธีใช้ 
   ล้างหน้าให้สะอาด เช็ดให้แห้ง ใช้ครีมแตงกวาพอกให้ทั่วหน้า ยกเว้นรอบปากและดวงตา ทิ้งไว้ 20 นาทีล้างออกด้วยน้ำสะอาด สูตรนี้เหมาะ กับคนผิวมัน สำหรับคนผิวแห้ง ให้นำแตงกวาไปตุ๋นจนเละแล้วกรองเอาเฉพาะน้ำมาทาหน้า ทิ้งไว้ 15 นาที ล้างออกด้วยน้ำสะอาด

มะเขือเทศ (
Lycopersicon esculentum Mill.)


      ในมะเขือเทศ จะมีสาร Curotenoid และมีวิตามินหลายชนิด น้ำจากผลมะเขือเทศสุก จะมีสาร licopersioin ซึ่งมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อรา และแบคทีเรีย และน้ำมะเขือเทศสดนำมาพอกหน้าจะรักษาสิวสมานผิวหน้าให้เต่งตึง หรืออาจจะฝานบางๆ แปะลงบนผิวหน้าก็ได้

สรรพคุณ สมานผิว ลดรอยเหี่ยวย่น จุดด่างดำ
ส่วนผสม มะเขือเทศ 1 ผล 
                 รำข้าวหรือข้าวโอ๊ต  1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ 
      นำมะเขือเทศไปปั่นหรือบดให้ละเอียด กรองเอาแต่น้ำผสมรำข้าวหรือข้าวโอ๊ตคนให้เข้ากัน
วิธีใช้ 
      ล้างหน้าให้สะอาด เช็ดหน้าให้แห้งพอกครีมมะเขือเทศทิ้งไว้นานเท่าที่มีเวลาแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด ในมะเขือเทศมีวิตามินเอมาก ซึ่งเป็น วิตามินที่ละลายได้ดีในน้ำมัน การใช้รำข้าวหรือข้าวโอ๊ตเป็นส่วนผสม เพื่อให้น้ำมันในรำข้าวหรือข้าวโอ๊ตเป็นตัวพาวิตามินเอเข้าสู่เซลผิวหน้าได้ดีกว่า การฝานมะเขือเทศมาแปะหน้าเพียงอย่างเดียว สูตรนี้ใช้ได้ทั้งคนผิวแห้งและผิวมัน


มะขามเปียก (Tamarindus indica Linn)


      มะขามเปียกมีประวัติการใช้มายาวนาน ช่วยชำระสิ่งสกปรกจากผิวหนัง เพราะฤทธิ์ที่เป็นกรดอ่อนๆ ในมะขาม จะช่วยขจัดสิ่งสกปรกจากผิวหนังได้ดี ปัจจุบัน ได้มีหญิงไทยจำนวนมาก ใช้มะขามเปียกผสมน้ำอุ่น และนมสดให้เข้ากันดี พอกบริเวณผิวหนัง โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นรอยด้าน เช่น ตาตุ่ม ข้อศอก ฝ่ามือ ที่มีรอยกร้านดำ และบริเวณรักแร้ ขาหนีบ เพื่อให้ผิวหนังที่เป็นรอยดำจางลง ทำให้ผิวขาวนุ่มนวลขึ้น และนมสดจะช่วยบำรุงผิว ให้นุ่มได้
สรรพคุณ บำรุงผิว ลบรอยเหี่ยวย่น ตีนกา
ส่วนผสม  มะขามเปียก  1 กำมือ 
                 นมสดรสจืด  3 ช้อนโต๊ะ 
                 น้ำผึ้ง  1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
       มะขามเปียกแกะเม็ดเอารกออกแล้วล้างน้ำให้สะอาดผสมกับนมแล้วขยำให้เข้ากัน กรองด้วยผ้าขาวบางหรือกระชอนตาละเอียด เติมน้ำผึ้งคนให้เข้ากันก็จะได้ครีมมะขามเปียก ใส่ภาชนะมีฝาปิดเก็บไว้ในตู้เย็น
วิธีใช้ 
      ล้างหน้าด้วยน้ำสะอาด ทาครีมมะขามเปียกทิ้งไว้ 10 นาที ล้างด้วยน้ำสะอาด สูตรข้างต้นนี้เหมาะกับคนผิวมัน ถ้าคนผิวแห้งให้ลดมะขามเปียก เพิ่มปริมาณนมสดกับน้ำผึ้งให้มากขึ้น



กล้วย

        กล้วย ไม่ว่าจะกล้วยหอม กล้วยน้ำว้า ล้วนให้คุณค่าด้านสุขภาพกับเราทั้งสิ้น จะกินก็ได้ จะเอามาทำสวยก็ดี สำหรับสาวผิวแห้ง ผมแห้ง กล้วยเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการแก้ปัญหาได้
   สำหรับสาวผิวแห้ง กล้วยจะช่วยบำรุงให้ผิวชุ่มชื่นขึ้นได้ เพราะโปรตีนและไขมันตามธรรมชาติ ทั้งนี้ยังช่วยลบริ้วรอยด้วย ส่วนคนที่มีปัญหาผมและหนังศีรษะแห้ง กล้วยจะเสริมความเงางาม และยังทำให้ผมมีน้ำหนักดีขึ้น
มาส์กผิวนุ่มชุ่มชื้น
ส่วนผสม 
   กล้วยหอมสุก 1 ผล
   น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ
   ไข่ขาว 1 ฟอง
   ดินสอพองบด 1 ช้อนโต๊ะ
   โยเกิร์ต 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
   1.ตีไข่ขาว เทโยเกิร์ตและน้ำผึ้งลงไป ตามด้วยดินสอพอง คนให้เข้ากันจนเนื้อเนียนละเอียด
   2.บดกล้วยหอมสุกจนเนื้อละเอียดเนียน แล้วลงผสมกับส่วนผสมในข้อ 1
   เมื่อได้ส่วนผสมเรียบร้อยแล้ว จากนั้นล้างหน้าให้สะอาด ทาส่วนผสมที่ได้บนใบหน้า คอ และไหล่ นวดเบา ๆ ให้ทั่ว ทาให้หนาพอควร ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำอุ่น(แต่ไม่อุ่นจัด)ทำเป็นประจำประมาณ 3-4 ครั้ง/สัปดาห์ ผิวหน้าจะดูนุ่มนวลและสดใสมากขึ้น
กล้วยน้ำว้าสบู่ถนอมผิวหน้า
สรรพคุณ : ช่วยทำความสะอาดผิดหน้าได้ดี ทำให้ผิวหน้าชุ่มชื้น
ส่วนผสม 
   กล้วยน้ำว้า 2 ผล
   มะนาว 1 ผล
วิธีผสม 
    ปอกเปลือกกล้วยออกหั่นเป็นชิ้นเล็กๆนำลงเครื่องปั่นบดให้ละเอียด นำมะนาวผ่าขวางแล้วคั้นเอาแต่น้ำเทลงในกล้วยที่บดเรียบร้อยแล้วคนให้เข้ากัน
วิธีใช้   
    ใช้น้ำสะอาดลูบหน้าพอให้เปียก ทาสบู่กล้วยถนอมผิวที่เราทำไว้ทาให้ทั่วหน้าพักไว้ 3-5 นาที ล้างออกด้วยน้ำสะอาดจะรู้สึกว่าหน้าสะอาดมากและไม่แห้งตึง 
กล้วยน้ำว้าครีมพอกหน้า
สรรพคุณ:บำรุงผิวให้เนียนขาวลดริ้วรอยความเหนื่อยล้า
ส่วนผสม 
   กล้วยสุก 2 ผล
   น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ
   น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
   น้ำสะอาดเย็นจัด 1 ขัน
วิธีผสม 
   ปอกเปลือกกล้วยออกหั่นเป็นชิ้นเล็กๆนำลงเครื่องปั่นบดให้ละเอียด นำน้ำมะนาวและน้ำผึ้งเทลงไปปั่นผสมกันให้เป็นเนื้อเดียวสังเกตุถ้าเนื้อครีมเริ่มฟูก้อใช้ได้
วิธีพอกหน้า 
   ล้างหน้าด้วยน้ำสะอาดซับหน้าให้แห้งทาครีมกล้วยน้ำว้าที่ทำไว้ทาให้ทั่วใบหน้ายกเว้น ดวงตาและขอบจมูก พอกทิ้งไว้ประมาน 20-30 นาทีล้างออกด้วยน้ำเย็นจัด  
ควรพอกตรีมกล้วยอาทิตละครั้ง ใบหน้าจะนุ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด 
กล้วยไข่ไร้สิว
สรรพคุณ ช่วยสมานผิว ขจัดสิวเสี้ยน
ส่วนผสม 
   กล้วยไข่ 2 ผล
   ไข่ไก่เฉพาะไข่ขาว 1 ฟอง
   น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ
   น้ำตาลทรายแดง 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีผสม 
   นำกล้วยไข่ปอกเปลือกหั่นเป็นชิ้นเล็กๆแล้วใส่ลงในโถปั่นใส่ไข่ขาวปั่นจนละเอียดแล้วยกลง พักสักครู่ แล้วใส่น้ำผึ้งและน้ำตาลทรายแดงตามลงไป คนให้เข้ากันอย่างช้าๆ
วิธีใช้ 
   นำครีมพอกให้ทั่งหน้าเว้นดวงตาใช้นิ้วค่อยๆถูนวดเบาๆ วนทวนเข็มนาฬิกาอย่างช้าๆทำอย่างนี้ประมาน1-2นาทีแล้วทิ้ไว้สักคู่จนรู้สึกตึงจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาดเราจะสึกถึงความสะอาดมากเลย